งานแต่งงาน เพื่ออะไร เพื่อใคร

ช่วงนี้มีงานแต่งงานบ่อย และก็ได้รับงานการ์ดเชิญให้ไปร่วมพิธีงานแต่งอยู่บ่อยๆ วันนี้ก็มีแต่ไม่ได้ไป เคยสงสัยบ้างหรือเปล่าครับ ว่าเราจะจัดงานแต่งงาน ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ทำไปทำไม ทำเอาหน้าเอาตากันหรือเปล่า เคยเห็นมั้ยครับ เอาในทีวีที่คนดังทั้งหลายแต่งกัน ดูวุ่นวายดีนะครับ จัดกันใหญ่โต เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ กันมาเต็มงาน แต่งกันได้ไม่นาน พูดภาษาโบราณก็บอกว่า หม้อข้าวไม่ทันดำ ก็เลิกกันแล้ว แล้วจะแต่งกันทำไมครับ

บางคนที่ไม่มีลูกก็ดีไป ส่วนพวกที่มีลูก ก็สร้างปัญหาให้ลูกอีก ครอบครัวมีปัญหา บ้างก็กลายเป็นมีปัญหาอีก โทษสังคม อีกว่าเป็นเพราะสังคมมีปัญหา หาได้ดูตัวเองไม่ ว่าปัญหาที่แท้อยู่ที่ใด

ตอนก่อนแต่งก็บอกว่า คนนี้ดี คนนี้เยี่ยม เขาไม่รัก ก็พยายามทุ่มเทให้รัก ให้หลงกัน ตอนรักกัน บางทีแค่เขาเดินผ่านสาวๆหรือหนุ่มๆ ก็มีหึง มีหวงกันแล้ว นี่แค่เดินผ่านนะครับ คิดดูแล้วกัน แต่พอจะเลิกกัน บางคู่ก็ดีหน่อย ยังคุยยังถามทุกข์สุขกัน แต่บางคู่ถึงขนาดไม่ไปเผาผีกัน คิดดูสิครับ บอกว่าตอนรักก็ไม่เคยเห็นนิสัยเสียๆของแต่ละฝ่าย พอมาอยู่ด้วยกันจริงๆเริ่มเปิดเผยธาตุแท้ของแต่ละคนกันออกมา เมื่อก่อนก็เสแสร้งกันไว้ก่อน กลัวเขาจะไม่รัก ไม่ชอบ ไม่หลง ไม่ใหล

คุ้มแล้วหรือครับ ที่คบกันมา ไม่ต้องพูดถึงความคุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจหรอกครับ ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึง เอาในแง่ความรู้สึกละครับ เคยคิดกันบ้างหรือเปล่า ช่างมันเถอะเป็นเรื่องของคนที่เขาแต่งงานกัน เอาเป็นว่ามาดูความรู้สึกคนที่ไปร่วมงานแต่งบ้างดีกว่าครับ วันนี้ก่อนจะเขียนเรื่องนี้ ได้เข้าไปเยี่ยมเยียน blog ต่างๆที่ link เอาไว้ เจอเรื่องเดียวกันครับ ถูกใจจริงๆ ลองไปอ่านดูนะครับ งานแต่งงาน อะไรนะ?! Wedding What?!  คุณ blueswing เขียนไว้ใน blog ประเทศไทยพัฒนา เขียนได้ตรงใจมากๆครับ

ว่าของเรากันต่อ คนไปร่วมงานหรือครับ ก่อนไปงานแต่ง ทั้งอาซิ้มอาม่า ลุงๆป้าๆ ก็ต่างเตรียมตัวหล่อสาวเต็มที่ ถ้าเอาเฉพาะ สาวโสด หนุ่มโสด ทั้งหลาย งานแบบนี้ละยิ่งชอบนะ ไม่รู้ชอบได้ไง บอกว่า จะได้แต่งตัวสวยๆหล่อ ไปหาเป้าหมายในงาน มันหาเป้าหมายได้ง่ายๆอย่างนี้เลยหรือครับ ลงทุน ทุ่มเท กันสุดตัว บางคนยิ่งกว่าตัวเจ้าบ่าว เจ้าสาว เจ้าของงานเองอีก

ส่วนใหญ่ก็ต้องซื้อชุดใหม่ ทำไมต้องซื้อใหม่ด้วยก็ไม่รู้ ใส่ซ้ำก็ไม่ได้ อาย หน้าบางกันเหลือเกิน จ่ายไปถ้าสาวๆทั้งชุด ก็คงหมดเป็นพันๆ ถ้าหนุ่มๆก็อาจจะไม่แพง เปลี่ยนเสื้อข้างในซะ ข้างนอกก็เหมือนเดิมก็พอได้ ชุดใหม่ไม่พอ ต้องไปทำผมอีก บางคนถึงขนาดทำสีไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่พอบ้างต้องจ้างช่างแต่งหน้าอีก ไหนจะรองเท้าอีก ยังไม่พอน้ำหอมอีก ฉีดกันเข้าไป ไปถึงงานกลิ่นหึ่งทั้งงาน ไม่รู้จะหอมอันไหนดี นี้ยังไม่รวมถึงต้องใส่ซองช่วยงานอีก หมดไปเท่าไหร่นี้ คุ้มจริงๆ

เมื่อไปถึงงานต้องทำอะไรบ้างหรือครับ ต่อยอดที่คุณ blueswing เขียนไว้หน่อยครับ

๑. ก็ต้องยืนจับกลุ่มหน้างานก่อน ก็แก็งค์เดิมๆ ที่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้ว บ้างก็กลุ่มเพื่อนเก่า บ้างก็เพื่อนร่วมงาน ต่างๆคนต่างๆเจอกัน ถึงกับตะลึง งงงวยกันไป สวยๆหล่อๆกันเหลือเกินนะหล่อน

๒. ก็ต้องไปยืนดูรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เขาตั้งไว้ให้ดู ก็ชมบ้าง นินทาไปบ้าง ตามระเบียบ

๓. ก็ต้องเขียนคำอวยพร ในสมุดเล่มใหญ่ ที่เขาเตรียมไว้

๔. บ้างก็ใส่ซอง ลงในกล่องไว้ตอนนี้ พร้อมรับของชำร่วยมาเลย บ้างก็ไปให้ทีหลัง ซึ่งของที่ได้มาก็ช่างคิดช่างทำเหลือเกิน ส่วนใหญ่ก็เอาไว้ให้บ้านที่รกอยู่แล้วได้มีสมบัติให้รกมากขึ้นอีก ๑ ชิ้น จะทิ้งก็เสียดาย

๕. เมื่อรวมกลุ่ม นินทา เหล่กลุ่มนู้นกลุ่มนี้เสร็จ ได้ปริมาณคนพอสมควร ก็ไปถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ในซุ้มที่เขาเตรียมไว้ พร้อมสวัสดีพ่อแม่ของทั้งคู่ ซึ่งบางทีก็ไม่อยู่ให้รู้จักกัน ก็ต้องรอตอนงานเลิกอีกที ซึ่งบางทีก็ไม่ได้สวัสดีอยู่ดี ฮาฮา

๖. ว่าแล้วก็ไปหาโต๊ะเหมาะๆ ซึ่งเจ้าภาพส่วนใหญ่ จะเตรียมจะจัดไว้ให้แล้ว พร้อมทั้งมี อาหาร เครื่องดื่ม และ สุราเมราไว้ให้ด้วย พร้อมให้ทำผิดศีลได้ตลอดเวลา

๗. ก็รอเวลาไปพร้อมกัน การกินกินกิน บ่นบ่น คุยกันอยู่ในกลุ่มนั้นแหละ ไม่เห็นจะได้ไปเจอเป้าหมายที่ว่าเลย กินไปกินไป บ่นเรื่องกับข้าวไปด้วย ลิบสติกก็เลอะไปบ้าง ถ้าแอร์ไม่เย็น เหงื่อออกอีก แป้งที่ปะผุไว้ก็เริ่มหลุดออกมา ก็นั่งๆยื่นๆไปเรื่อย จนพิธีการตามใจเจ้าภาพจะเสร็จ ดูรูป ดูวีดีโอ ไชโย โห้หิ้วอะไรก็ว่ากันไป

๘. เมื่อกินเสร็จพอดี เสร็จงาน พร้อมเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาถ่ายรูปที่โต๊ะด้วยอีก ๑ รูป ได้ ๒ รูปแล้ว ก็ถึงเวลาจะกลับ

๙. กลับก็เฮโลกันลุก ใครลุกซักคน ก็ตามกันกลับด้วยหมด เสร็จแล้วก็ไปออบ่นกันต่อหน้างานอีกหน่อย ดูรูปที่ดูไปแล้วอีกรอบ บ้างก็รอถ่ายรูปอีกสักรูป บ้างก็ไปเขียนคำอวยพรอีกรอบ พร้อมแอบอ่านของคนอื่นๆ บ้างก็กลับเลย

จบงาน เพื่อนๆญาติๆ ก็กลับบ้านไป เหลือเจ้าภาพก็ต้องมาจัดการเรื่องอื่นๆกันต่อ เหนื่อยตั้งแต่ตอนเตรียมงานไม่พอ ต้องมาเหนื่อยหลังงานอีก เหอๆๆ ลาไปอีกกี่วันก็ว่าไป แล้วก็มาเจอกันใหม่ที่ทำงานบ้าง ที่บ้านบ้าง เหอๆๆแล้วก็ต้องเอารูปมาให้ดูกัน ว่าแล้วก็นินทากันไปกี่หนึ่งรอบ

งานแต่งงานก็มีแค่นี้เอง คนจัดก็เหนื่อย คนไปร่วมงานก็เหนื่อย..รวมเวลาที่อยู่ในงานประมาณ ๒ ชม. แค่นี้เอง จะเป็นพยายานหลักฐานอะไรได้ว่ารักกัน จึงมีวันนี้ จะว่าไปงานแต่งก็พอมีประโยชน์บ้างนะครับ อย่างน้อยก็ช่วยกระตุ้น GDP ได้บ้าง แล้วไหนใครจะไปหาเป้า หาเจอไม่ครับ ฮาฮาฮา วันนี้บ่นพอใจแล้ว..คนยังไม่ได้แต่งงานก็งี้แหละ..ไปดีกว่า..ข้าพเจ้าเอง

Tags: ,

5 Responses to “งานแต่งงาน เพื่ออะไร เพื่อใคร”

  1. 1001ii Says:

    เมื่อก่อนไม่เห็นต้องไปถ่ายรูปที่สตูดิโอเอามาตั้งหน้างานเลย พวกสตูดิโอทำการตลาดจนทำให้สิ่งนี้กลายเป็น norm ได้สำเร็จ เดี๋ยวนี้ไม่มีรูปมาตั้งหน้างานไม่ได้เพราะกลัวแขกหาว่าแปลก พวกสตูดิโอก็เลยสบายไปเลย

  2. dcopywriter Says:

    ใช่ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันแทรกซึมมาตลอดไหน แต่มันก็เป็นปกติไปแล้วครับ
    ใครไม่มีก็แปลกละครับ

    อาจเป็นอิทธิพลของอาเฮียใหญ่ กุนซือใหญ่แห่งโออิชิเขาก็ได้นะครับ
    ธุรกิจดีๆ ไม่ต้องเอาเข้าตลาด

  3. งานแต่งงาน เพื่อใคร เพื่ออะไร « KengNum’s Lovebox Says:

    […] นี่เลย “งานแต่งงาน เพื่อใคร เพื่ออะไร” จริงๆก็รู้แหละว่า […]

  4. รีสอร์ทเชียงใหม่ Says:

    งานแต่งงาน เพื่อใคร จ้าๆๆ

  5. Supreecha Sakkarapanya Says:

    เฮ้อ….แค่อ่านยังไม่จบ ก็ปวดกะโหลกแล้ว

Leave a reply to Supreecha Sakkarapanya Cancel reply